วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Galileo Galilei กาลิเลโอจากเพลงประกอบเวที สู่เสียงเพลงจากดวงดาว ดวงตา ดวงใจ


กาลิเลโอ (เพลงประกอบละครเวที)
อรัมพบท ท่านผู้ทรงเกียรติ ท่านสุภาพบุรุษ ท่านสุภาพสตรี ก่อนที่ขบวนแห่ของผู้ประกอบการจะมาถึง เราขอเสนอบทเพลงที่สร้างขึ้นด้วยความยากลำบากและความพยายามอันมากมายมหาศาล กว่าจะได้นำเสนอต่อท่านในที่นี้ ในตรงนี้ … บทเพลงนี้มีชื่อว่าความฝันและความคิดอันชั่วร้ายของนักฟิสิกส์ประจำราชสำนัก ท่านกาลิเลโอ หรืออีกชื่อหนึ่งว่า … การลิ้มลองอนาคต
อันลูกโลกเรามีมากาเล                    พระเจ้าแสร้งเสปั้นทรงลงลาย
ทรงสร้างคนสร้างดินสร้างน้ำ           สร้างความชุ่มช่ำ สร้างไฟส่องฉาย
ให้ดวงอาทิตย์หมุนรอบโลกเรา          มีทุกข์สุขเศร้าเวียนวนกันไป
สุขโศกสีสันดั่งวันราตรี                 ใจเราน้องพี่ต่างพลีกายใจกาย..ใจกาย…
ถวายชีวิตใกล้ชิดพระองค์                ภักดีมั่นคงไม่เคยแหนงหน่าย
เมื่อใครหน่ายแหนงสำแดงฤทธี         ความพินาศบัดสีจะมาเยี่ยมกราย…เยี่ยมกราย…
รอบสันตะปาปา ก็คือคาดินัล            รอบลงไปอีกนั่นก็ลดหลั่นกันไป
บิชอปเสนาข้าทาสบริวาร                 ขโมย ขอทาน คนโซโคควาย
สังคมยอดเขาพระเจ้าคือจอม          คุมความเหม็นหอม คุมความเป็นตาย…เป็นตาย….
ข้าแต่พระองค์ … เดี๋ยวก่อน….ข้าแต่พระองค์ … เดี๋ยวก่อน….
ยังมีชายหนึ่งชื่อ กาลิเลโอ              หัวโตพุงโรทิ้งพระคัมภีร์
ส่องกล้องดูดาวด้วยวิทยาการ          อันฉลาดอาจหาญไม่กลัวบัดสี
ไม่มีพระเจ้าไม่มีพระองค์                มีแต่ความหลุ่มหลงงมโง่สิ้นดี
โลกเราดวงเราก็คือบริวาร               ดวงดาวไพศาลเปรียบดั่งผงธุลี … ธุลี….
ดวงสุริยันมันก็ลอยอยู่เฉยๆ   ชะเออเอิ่งเอยแบบไหนกันนี่ เอ๊ะ! มันไม่เข้าที อ๊ะ! หรือว่าเข้าที
หนุ่มสาวที่แข็งกระด้าง สุนัขที่แข็งกระด้าง เด็กวัดที่แข็งกระด้าง คนงานขี้เมาไม่ยอมไปทำงาน
เมื่อเป็นเช่นนิ้จะได้ไฉน                 พี่น้องทั้งหลายนั่นพระคัมภีร์
กฏเกณฑ์โบราณมันไม่ตลก           สวรรค์นรกมีเชิงบ่งชี้
เชือกที่แขวนคอคนกำแหง             มันยังแข็งแรงหักคอได้ดี
ชีวิตขื่นขมแทบล้มกระอัก             ใครหนอไม่รักอิสระเสรี … เสรี….
ช่างก่อสร้างขุดดินก่อสร้าง ก่ออิฐจัดวางโบกหิน โบกปูน สร้างเสร็จสม
เขาก็เข้าไปอยู่ เหมือนดั่งปูมันขุดรูของมันอยู่เอง
เมื่อเป็นเช่นนิ้จะได้ไฉน                พี่น้องทั้งหลายนั่นพระคัมภีร์
ไม่ใช่เรื่องราวต้องสาวความเปลือง  เชือกบ่วงเขื่องๆ พิษสงยังมี
ชีวิตขื่นขมแทบจมอาจม               อิสราสุขสมคืออิสระเสรี … เสรี….
ฉันกำลังมองหา ดวงอาทิตย์ฆ่าเวลา ส่องโลมไล้จันทราของฉัน
ทั้งอาทิตย์ดวงจันทร์ ขอให้เป็นของเรา
ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้หรอกหนอ         ฟังคำร้องขอเถอะกาลิเลโอ
จะถอดตะกร้อออกจากปากหมาบ้า  มันหมายความว่าอันตรายอักโข
ความหายนะระรานชีวิต                 ความถูกกลับผิดลุกลาม
โอโฮ โอโฮ…..กาลิเลโอ…กาลิเลโอ…
มวลมิตรทั้งผองต้องทุกข์ลำเค็ญ     ไม่ว่าจะอยู่หรือเป็น ต้องลำบากลำบน
จงปลดโซ่ตรวน ที่มันกวนรังควาน    ด้วยความกล้าหาญเยี่ยงนรชน
กาลิเลโอ กาลิเลอี                       คือเทียนช่วยชี้พ้นทางมืดมน
ความคิดอ่อนแอแพ้ภัยทั้งปวง        คือสิ่งเหนี่ยวหน่วงหัวใจของตน
อิสระเสรีก็คือดวงวิญญาณ            ตัวเรานี่แหละหนาที่เรียกว่าคน … คน…
https://www.youtube.com/watch?v=0O844Osxppc
เป็นเพลงที่ค่อนข้างยาว แต่ถ้าตั้งใจฟังท่านจะเข้าใจในเหตุการณ์ต่างๆ อย่างลึกซึ้ง

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หลวงพ่อทวดพิมพ์ใหญ่ ปี 05 ปั๊มซ้ำ

พระหลวงพ่อทวดพิมพ์ใหญ่ปั๊มซ้ำองค์นี้เป็นพระเนื้อนวะโลหะ เดิมทีแล้วเป็นพระพิมพ์ใหญ่แต่เนื่องจากว่าหล่อออกมาแล้วไม่ค่อยสวยจึงนำกลับมาปั๊มซ้ำทำให้พิมพ์ทรงเกิดการเขยื้อนไปบ้างแต่ก็ยังคงดูสวยงามกว่าตอนที่ยังไม่ได้ปั้ม พระองค์นี้เป็นพระที่ไม่ผ่านการใช้จึงทำให้ผิวพระอยู่ในสภาพเดิม ถึงแม้จะหย่อนงามไปบ้างในเรื่องพิมพ์แต่เรื่องธรรมชาติและพุทธคุณสำหรับพระองค์นี้ทำให้เซียนน้อยใหญ่มาเยื่ยมชมจนเจ้าของขี้เกียจจะเอาออกมาให้ดูจึงบอกกับคนที่อยากดูไปว่า อยากได้ไหมจะปล่อยให้ เอาแค่แปดแสน (800,000 บาท) ตั้งแต่นั้นมาคนเริ่มห่างหายไปจากบ้านเลย 5555 เลยถามกลับไปว่าทำไมตั้งไว้สูงจัง เจ้าของพระเลยบอกว่าขี้เกียจเอาออกมาให้ดู ถ้าอยากดูจริงๆเอามาแปดแสนแล้วจะให้ไปดูตลอดทั้งชาติ ถ้ากล้าเช่าก็กล้าให้ เจอมาแบบนี้แทบจะวางมือจากพระทันที 5555

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ปฏิรูปการศึกษาไทย(ในทรรศนะของข้าพเจ้า) นานเท่าใดก็ไม่เปลี่ยนแปลงถ้ายังไม่เปลี่ยนความคิด

การศึกษาไทยถ้านับตั้งแต่เริ่มต้นของการจัดการศึกษาสมัยโบราณ พ.ศ. 1781 จนถึงปัจจุบันนับว่าการศึกษาของไทยได้มีการพัฒนาไปตามยุคสมัยโดยมีกรอบของความเจริญทางด้านวัตถุและวัฒนาการของการพัฒนาประเทศมาบีบบังคับการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาด้านการศึกษา และการเปลี่ยนระบบการศึกษาของไทยในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมานั้นนับว่าการศึกษาไทยถูกใช้เป็นเครื่องมือของนักการเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งเมื่อรัฐบาลเปลี่ยน นโยบายทางด้านการศึกษาก็เปลี่ยนทำให้ครูและนักเรียนต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งในการศึกษาเพื่อสนองนโยบายของฝ่ายการเมืองที่เข้ามาจัดการด้านการศึกษา จนทำให้ประชาชนเกิดความเบื่อหน่ายทางการศึกษาและให้ความสำคัญกับการศึกษาน้อยลง การพยายามหาวิธีการต่างๆและนโยบายต่างๆมาจัดระบบการศึกษาของไทยในปัจจุบันใช่ว่าจะทำให้ระบบการศึกษาและคุณภาพการศึกษาของไทยพัฒนาขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ทั้งที่ประเทศไทยเองมีทรัพยากรที่มีความรู้ความสามารถเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะมีสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงอยู่มากมาย มีบุคคลากรทางการศึกษาที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญอยู่มากมาย มีสถาบันรับรองคุณภาพการศึกษาเพื่อการันตีเอาไว้ว่าสถาบันการศึกษาแต่ละแห่งได้รับการประเมินคุณภาพทางการศึกษาเอาไว้ ทำให้มั่นใจได้ว่าลูกหลานที่เข้าไปศึกษาในสถาบันเหล่านี้จะได้รับการศึกษาที่เป็นเลิศ แต่หากมองลงไปมองดูด้วยใจที่เป็นกลางแล้วจะเห็นว่าก่อนที่จะมีการประเมินสถานศึกษา ไม่ว่าจะเป็นในระดับใดก็ตาม ตั้งแต่เด็กที่เพิ่งเริ่มเดินได้ จนถึงผู้ใหญ่ที่มีความรู้ความสามารถ ก่อนที่สถาบันที่ได้รับการรับรองคุณภาพจะเข้าไปทำการประเมิน สภาพแวดล้อมของสถาบันการศึกษาก่อนประเมินกับตอนประเมินนั้นช่างต่างกันเหลือเกิน จากสภาพห้องเรียน ห้องทำงานของครู ห้องสมุด ห้องสารพัดห้อง ไม่เว้นแต่ห้องน้ำ จากที่เคยเละเทะจนะแทบจะเรียกว่านรก จะถูกเนรมิตให้กลายเป็นสวรรค์ภายในเวลาไม่นานก่อนที่คณะกรรมการจะเข้ามาประเมินสถานศึกษานั้นๆ เมื่อมองดูการจัดการศึกษาที่มุ่งเน้นที่ตัวของบุคคลอันได้แก่เด็กนักเรียน นักศึกษา ครูผู้สอน และฝ่ายสนับสนุการสอนแล้ว การศึกษาไทยได้รับงบประมาณค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับคุณภาพของการศึกษาที่ได้รับ(โดยการวัดจากประสิทธิภาพของผู้สำเร็จการศึกษา) การศึกษาไทยจัดให้เด็กได้มีการเรียนให้ห้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นวิชา วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ศิลปะศึกษา สังคมศึกษา ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย วิชาอื่นๆที่ทางสถานศึกษาจะจัดให้เด็กได้มีการเรียนเพื่อที่จะสนองความต้องการที่จะศึกษาของเด็กตามพรบ.การศึกษากำหนดไว้ แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กกลับลดลงเมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ส่วนกลางได้กำหนดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สังคมศึกษา ซึ่งเป็นวิชาหลักที่จัดให้เด็กได้เรียน มาถึงตรงนี้เรามองเห็นอะไรบ้างในการจัดการศึกษาของไทยเรา ทุกครั้่งที่มีการได้รับรางวัลจากการแข่งขันทางด้านวิชาการระดับประเทศ และระดับนานาชาติ ซึ่งมองดูแล้วเสมือนว่าการจัดการศึกษาของบ้านเรานั้นจัดได้ดีมาก แต่สภาพความเป็นจริงแล้วหาใช่เช่นนั้นไม่ หากแต่ว่าการศึกษาของเรานั้นล้มเหลวจนถึงขั้นต้องมีการปฎิรูปการศึกษาอย่างยิ่งใหญ่เลยทีเดียว ทั้งปฎิรูปการศึกษาระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา และระดับอุดมศึกษาให้สอดคล้องเป็นแนวทางเดียวกัน ดังจะยกตัวอย่างเอาไว้เป็นข้อสังเกตคือ ตัวอย่างที่ 1 มีเด็กชายคนหนึ่งเขามีความสนใจด้านภาษาไทยเป็นอย่างมากจนถึงขนาดที่ทำการสอบ การอ่าน การเขียน การพูด ได้เป็นอย่างดี ทำให้เขาได้รับผลการเรียนในวิชาภาษาไทย เกิน 80% แต่ในทางกลับกันเด็กชายคนเดียวกันนี้กลับมีผลการเรียนในรายวิชาคณิตศาสตร์ที่แย่มาก คือไม่ถึง 50% นั่นก็หมายความว่าเด็กชายคนนี้ผ่านวิชาภาษาไทยแต่กลับตกในรายวิชาคณิตศาสตร์ การศึกษาไทยในบัจจุบันได้ให้ครูผู้สอนในรายวิชาคณิตศาสตร์สอนเสริมให้กับเด็กชายรายที่กล่าวมาแล้วนั้นทำให้ครูต้องหาวิธีการต่างๆเพื่อที่จะทำให้เด็กคนนี้เรียนได้ผลการเรียนที่ดีขึ้นให้ได้ จนสุดท้ายเด็กชายคนนี้ืเรียนผ่านเกณฑ์ 50%  ตัวอย่างที่ 2 เด็กหญิงคนหนึ่งเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทยาศาสตร์ - คณิตศาสตร์ โดยมีความหวังว่าเมื่อจบมัธยมศึกษาตอนปลายแล้วจะเข้าสอบในสถาบันอุดมศึกษาในสาขาแพทยศาสตร์ โดยเขาตั้้งใจเรียนทั้งวิชาที่เป็นพื้นฐาน เช่น ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ์ ภาษาไทย สังคมศึกษา ศิลปะ  เด็กหญิงคนนี้ต้องแบกรับภาระในการเรียนทุกรายวิชาเพื่อนำผลการเรียนที่ได้และความรู้ที่ได้ไปใช้ในการสมัครและสอบในคณะแพทยศาสตร์ ซึ่งเมื่อเด็กหญิงคนนี้สอบได้คณะแพทยศาสตร์ดังที่ตั้งใจเอาไว้กลับพบว่า วิชาบางวิชาที่เขาตั้งใจร่ำเรียนมาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายนั้นไม่ได้นำความรู้มาใช้ในการเรียนแพทย์ของเขาเลย วิชาฟิสิกส์ถูกกำหนดให้เรียนเพียงแค่เทอมที่ 1 ของปีที่ 1 หลังจากนั้นไม่ใด้เรียนหรือนำความรู้ไปใช้เลย กลับเป็นวิชาเคมี วิชาชีววิทยา วิชาภาษาอังกฤษ วิชาคณิตศาสตร์ ที่มีความสำคัญกับการเรียนเพื่อนำความรู้ไปประกอบอาชีพแพทย์ที่ตนเองเลือกเอาไว้ จากตัวอย่างที่ 1 ในทรรศนะส่วนตัวมองไว้ว่า เราควรส่งเสริมความสามารถของเด็กที่มีอยู่แล้วให้เขามีความชำนาญจนเกิดความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาที่เขาถนัด จะทำให้เขาเกิดความภาคภูมิใจและประเทศไทยจะได้มีผู้ที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะทางที่มากขึ้นเพื่อพัฒนาประเทศของเราต่อไป และจากตัวอย่างที่ 2 ในทรรศนะส่วนตัวมองไว้ว่าการจัดการศึกษาในระดับมัธยมศึกษานั้นควรจัดการศึกษาให้เด็กเกิดการค้นพบความเป็นตัวตนของเด็กให้ได้มากที่สุดยกตัวอย่างเช่น ถ้าใครมีความสนใจในวิชาชีพใดควรให้เด็กได้เรียนเน้นหนักไปในทิศทางของวิชาที่จำเป็นต้องใช้ในการประกอบอาชีพสาขานั้นๆ ส่วนวิชาใดที่ไม่มีความจำเป็นกับสาขาอาชีพที่ตนเองสนใจก็ควรกำหนดไว้ให้เป็นวิชาที่เลือกเรียนหรือกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น และควรกำหนดนโยบายการศึกษาร่วมกันระหว่างสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาในทิศทางการจัดการเรียนการสอนที่มีความสอดคล้องกัน เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้มีประสิทธิภาพและมีศักยภาพมากที่สุด ถึงเวลาแล้วที่เราควรเปลี่ยนแปลงความคิดของเราเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นสำหรับการศึกษาไทย สำหรับลูกหลานของไทย และการพัฒนาประเทศไทยที่เรารักยิ่งสืบไป
                                   
                                                                                              นายทศพร ถาอ้าย
                                                                             ค.บ.ฟิสิกส์ , ศน.ม.พุทธศาสนาและปรัชญา

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่



พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ เอื้อเฟื้อมอบให้โดยท่านอาจารย์ศิริพงษ์ ดวงดี (ต๋องเมืองเลย)


พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่(พระประธาน)

พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์ใหญ่(พระประธาน)

พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่(พระประธาน) ฉายาองค์คุ้มเกล้า
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่องค์นี้สภาพผ่านการใช้บูชามาแล้วทำให้ผิวพระเปิดทำให้เห็นมวลสารพระสมเด็จอย่างชัดเจน ซึ่งประกอบด้วยผงพุทธคุณทั้ง 5 และมวลสารพิเศษให้เห็นอย่างเด่นชัดโดยมวลสารส่วนใหญ่จะเป็นผงธูปที่ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพุฒาจารย์โต และประชาชนท้่วไปใช้จุดในการบูชาพระประธานในพระวิหารของวัดระฆัง ซึ่งเวลาผ่านไปเป็นร้อยปีผงธูปได้ย่อยสลายไปตามกาลเวลาทำให้เกิดช่องว่างหรือรูพรุนโดยทั่วไปทั้งองค์พระ สำหรับการพิจารณาแล้วพระสมเด็จองค์นี้พิจารณาง่ายว่าเป็นพระสมเด็จวัดระฆังแท้ และหลวงปู่โตได้อธิฐานจิตในการสร้างพระสมเด็จองค์นี้เอง ธรรมชาติด้านหน้ามีความสมบูรณ์ในพิมพ์ทรง ส่วนด้านหลังมีความงดงามยิ่งตามแบบฉบับของพระสมเด็จวัดระฆัง ดังที่ปรามาจารย์ทางพระสมเด็จได้กล่าวไว้ว่า "พระสมเด็จองค์นี้แค่ดูด้านหลังไม่ต้องดูด้านหน้าก็รู้ว่าแท้" พระสมเด็จองค์นี้เอื้อเฟื้อโดยท่านอาจารย์หม่ำ
ศรัทธาของท่านก็เป็นของท่าน ศรัทธาของเราก็เป็นของเรา