วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Galileo Galilei กาลิเลโอจากเพลงประกอบเวที สู่เสียงเพลงจากดวงดาว ดวงตา ดวงใจ


กาลิเลโอ (เพลงประกอบละครเวที)
อรัมพบท ท่านผู้ทรงเกียรติ ท่านสุภาพบุรุษ ท่านสุภาพสตรี ก่อนที่ขบวนแห่ของผู้ประกอบการจะมาถึง เราขอเสนอบทเพลงที่สร้างขึ้นด้วยความยากลำบากและความพยายามอันมากมายมหาศาล กว่าจะได้นำเสนอต่อท่านในที่นี้ ในตรงนี้ … บทเพลงนี้มีชื่อว่าความฝันและความคิดอันชั่วร้ายของนักฟิสิกส์ประจำราชสำนัก ท่านกาลิเลโอ หรืออีกชื่อหนึ่งว่า … การลิ้มลองอนาคต
อันลูกโลกเรามีมากาเล                    พระเจ้าแสร้งเสปั้นทรงลงลาย
ทรงสร้างคนสร้างดินสร้างน้ำ           สร้างความชุ่มช่ำ สร้างไฟส่องฉาย
ให้ดวงอาทิตย์หมุนรอบโลกเรา          มีทุกข์สุขเศร้าเวียนวนกันไป
สุขโศกสีสันดั่งวันราตรี                 ใจเราน้องพี่ต่างพลีกายใจกาย..ใจกาย…
ถวายชีวิตใกล้ชิดพระองค์                ภักดีมั่นคงไม่เคยแหนงหน่าย
เมื่อใครหน่ายแหนงสำแดงฤทธี         ความพินาศบัดสีจะมาเยี่ยมกราย…เยี่ยมกราย…
รอบสันตะปาปา ก็คือคาดินัล            รอบลงไปอีกนั่นก็ลดหลั่นกันไป
บิชอปเสนาข้าทาสบริวาร                 ขโมย ขอทาน คนโซโคควาย
สังคมยอดเขาพระเจ้าคือจอม          คุมความเหม็นหอม คุมความเป็นตาย…เป็นตาย….
ข้าแต่พระองค์ … เดี๋ยวก่อน….ข้าแต่พระองค์ … เดี๋ยวก่อน….
ยังมีชายหนึ่งชื่อ กาลิเลโอ              หัวโตพุงโรทิ้งพระคัมภีร์
ส่องกล้องดูดาวด้วยวิทยาการ          อันฉลาดอาจหาญไม่กลัวบัดสี
ไม่มีพระเจ้าไม่มีพระองค์                มีแต่ความหลุ่มหลงงมโง่สิ้นดี
โลกเราดวงเราก็คือบริวาร               ดวงดาวไพศาลเปรียบดั่งผงธุลี … ธุลี….
ดวงสุริยันมันก็ลอยอยู่เฉยๆ   ชะเออเอิ่งเอยแบบไหนกันนี่ เอ๊ะ! มันไม่เข้าที อ๊ะ! หรือว่าเข้าที
หนุ่มสาวที่แข็งกระด้าง สุนัขที่แข็งกระด้าง เด็กวัดที่แข็งกระด้าง คนงานขี้เมาไม่ยอมไปทำงาน
เมื่อเป็นเช่นนิ้จะได้ไฉน                 พี่น้องทั้งหลายนั่นพระคัมภีร์
กฏเกณฑ์โบราณมันไม่ตลก           สวรรค์นรกมีเชิงบ่งชี้
เชือกที่แขวนคอคนกำแหง             มันยังแข็งแรงหักคอได้ดี
ชีวิตขื่นขมแทบล้มกระอัก             ใครหนอไม่รักอิสระเสรี … เสรี….
ช่างก่อสร้างขุดดินก่อสร้าง ก่ออิฐจัดวางโบกหิน โบกปูน สร้างเสร็จสม
เขาก็เข้าไปอยู่ เหมือนดั่งปูมันขุดรูของมันอยู่เอง
เมื่อเป็นเช่นนิ้จะได้ไฉน                พี่น้องทั้งหลายนั่นพระคัมภีร์
ไม่ใช่เรื่องราวต้องสาวความเปลือง  เชือกบ่วงเขื่องๆ พิษสงยังมี
ชีวิตขื่นขมแทบจมอาจม               อิสราสุขสมคืออิสระเสรี … เสรี….
ฉันกำลังมองหา ดวงอาทิตย์ฆ่าเวลา ส่องโลมไล้จันทราของฉัน
ทั้งอาทิตย์ดวงจันทร์ ขอให้เป็นของเรา
ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้หรอกหนอ         ฟังคำร้องขอเถอะกาลิเลโอ
จะถอดตะกร้อออกจากปากหมาบ้า  มันหมายความว่าอันตรายอักโข
ความหายนะระรานชีวิต                 ความถูกกลับผิดลุกลาม
โอโฮ โอโฮ…..กาลิเลโอ…กาลิเลโอ…
มวลมิตรทั้งผองต้องทุกข์ลำเค็ญ     ไม่ว่าจะอยู่หรือเป็น ต้องลำบากลำบน
จงปลดโซ่ตรวน ที่มันกวนรังควาน    ด้วยความกล้าหาญเยี่ยงนรชน
กาลิเลโอ กาลิเลอี                       คือเทียนช่วยชี้พ้นทางมืดมน
ความคิดอ่อนแอแพ้ภัยทั้งปวง        คือสิ่งเหนี่ยวหน่วงหัวใจของตน
อิสระเสรีก็คือดวงวิญญาณ            ตัวเรานี่แหละหนาที่เรียกว่าคน … คน…
https://www.youtube.com/watch?v=0O844Osxppc
เป็นเพลงที่ค่อนข้างยาว แต่ถ้าตั้งใจฟังท่านจะเข้าใจในเหตุการณ์ต่างๆ อย่างลึกซึ้ง

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หลวงพ่อทวดพิมพ์ใหญ่ ปี 05 ปั๊มซ้ำ

พระหลวงพ่อทวดพิมพ์ใหญ่ปั๊มซ้ำองค์นี้เป็นพระเนื้อนวะโลหะ เดิมทีแล้วเป็นพระพิมพ์ใหญ่แต่เนื่องจากว่าหล่อออกมาแล้วไม่ค่อยสวยจึงนำกลับมาปั๊มซ้ำทำให้พิมพ์ทรงเกิดการเขยื้อนไปบ้างแต่ก็ยังคงดูสวยงามกว่าตอนที่ยังไม่ได้ปั้ม พระองค์นี้เป็นพระที่ไม่ผ่านการใช้จึงทำให้ผิวพระอยู่ในสภาพเดิม ถึงแม้จะหย่อนงามไปบ้างในเรื่องพิมพ์แต่เรื่องธรรมชาติและพุทธคุณสำหรับพระองค์นี้ทำให้เซียนน้อยใหญ่มาเยื่ยมชมจนเจ้าของขี้เกียจจะเอาออกมาให้ดูจึงบอกกับคนที่อยากดูไปว่า อยากได้ไหมจะปล่อยให้ เอาแค่แปดแสน (800,000 บาท) ตั้งแต่นั้นมาคนเริ่มห่างหายไปจากบ้านเลย 5555 เลยถามกลับไปว่าทำไมตั้งไว้สูงจัง เจ้าของพระเลยบอกว่าขี้เกียจเอาออกมาให้ดู ถ้าอยากดูจริงๆเอามาแปดแสนแล้วจะให้ไปดูตลอดทั้งชาติ ถ้ากล้าเช่าก็กล้าให้ เจอมาแบบนี้แทบจะวางมือจากพระทันที 5555

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ปฏิรูปการศึกษาไทย(ในทรรศนะของข้าพเจ้า) นานเท่าใดก็ไม่เปลี่ยนแปลงถ้ายังไม่เปลี่ยนความคิด

การศึกษาไทยถ้านับตั้งแต่เริ่มต้นของการจัดการศึกษาสมัยโบราณ พ.ศ. 1781 จนถึงปัจจุบันนับว่าการศึกษาของไทยได้มีการพัฒนาไปตามยุคสมัยโดยมีกรอบของความเจริญทางด้านวัตถุและวัฒนาการของการพัฒนาประเทศมาบีบบังคับการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาด้านการศึกษา และการเปลี่ยนระบบการศึกษาของไทยในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมานั้นนับว่าการศึกษาไทยถูกใช้เป็นเครื่องมือของนักการเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งเมื่อรัฐบาลเปลี่ยน นโยบายทางด้านการศึกษาก็เปลี่ยนทำให้ครูและนักเรียนต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งในการศึกษาเพื่อสนองนโยบายของฝ่ายการเมืองที่เข้ามาจัดการด้านการศึกษา จนทำให้ประชาชนเกิดความเบื่อหน่ายทางการศึกษาและให้ความสำคัญกับการศึกษาน้อยลง การพยายามหาวิธีการต่างๆและนโยบายต่างๆมาจัดระบบการศึกษาของไทยในปัจจุบันใช่ว่าจะทำให้ระบบการศึกษาและคุณภาพการศึกษาของไทยพัฒนาขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ทั้งที่ประเทศไทยเองมีทรัพยากรที่มีความรู้ความสามารถเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะมีสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงอยู่มากมาย มีบุคคลากรทางการศึกษาที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญอยู่มากมาย มีสถาบันรับรองคุณภาพการศึกษาเพื่อการันตีเอาไว้ว่าสถาบันการศึกษาแต่ละแห่งได้รับการประเมินคุณภาพทางการศึกษาเอาไว้ ทำให้มั่นใจได้ว่าลูกหลานที่เข้าไปศึกษาในสถาบันเหล่านี้จะได้รับการศึกษาที่เป็นเลิศ แต่หากมองลงไปมองดูด้วยใจที่เป็นกลางแล้วจะเห็นว่าก่อนที่จะมีการประเมินสถานศึกษา ไม่ว่าจะเป็นในระดับใดก็ตาม ตั้งแต่เด็กที่เพิ่งเริ่มเดินได้ จนถึงผู้ใหญ่ที่มีความรู้ความสามารถ ก่อนที่สถาบันที่ได้รับการรับรองคุณภาพจะเข้าไปทำการประเมิน สภาพแวดล้อมของสถาบันการศึกษาก่อนประเมินกับตอนประเมินนั้นช่างต่างกันเหลือเกิน จากสภาพห้องเรียน ห้องทำงานของครู ห้องสมุด ห้องสารพัดห้อง ไม่เว้นแต่ห้องน้ำ จากที่เคยเละเทะจนะแทบจะเรียกว่านรก จะถูกเนรมิตให้กลายเป็นสวรรค์ภายในเวลาไม่นานก่อนที่คณะกรรมการจะเข้ามาประเมินสถานศึกษานั้นๆ เมื่อมองดูการจัดการศึกษาที่มุ่งเน้นที่ตัวของบุคคลอันได้แก่เด็กนักเรียน นักศึกษา ครูผู้สอน และฝ่ายสนับสนุการสอนแล้ว การศึกษาไทยได้รับงบประมาณค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับคุณภาพของการศึกษาที่ได้รับ(โดยการวัดจากประสิทธิภาพของผู้สำเร็จการศึกษา) การศึกษาไทยจัดให้เด็กได้มีการเรียนให้ห้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นวิชา วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ศิลปะศึกษา สังคมศึกษา ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย วิชาอื่นๆที่ทางสถานศึกษาจะจัดให้เด็กได้มีการเรียนเพื่อที่จะสนองความต้องการที่จะศึกษาของเด็กตามพรบ.การศึกษากำหนดไว้ แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กกลับลดลงเมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ส่วนกลางได้กำหนดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สังคมศึกษา ซึ่งเป็นวิชาหลักที่จัดให้เด็กได้เรียน มาถึงตรงนี้เรามองเห็นอะไรบ้างในการจัดการศึกษาของไทยเรา ทุกครั้่งที่มีการได้รับรางวัลจากการแข่งขันทางด้านวิชาการระดับประเทศ และระดับนานาชาติ ซึ่งมองดูแล้วเสมือนว่าการจัดการศึกษาของบ้านเรานั้นจัดได้ดีมาก แต่สภาพความเป็นจริงแล้วหาใช่เช่นนั้นไม่ หากแต่ว่าการศึกษาของเรานั้นล้มเหลวจนถึงขั้นต้องมีการปฎิรูปการศึกษาอย่างยิ่งใหญ่เลยทีเดียว ทั้งปฎิรูปการศึกษาระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา และระดับอุดมศึกษาให้สอดคล้องเป็นแนวทางเดียวกัน ดังจะยกตัวอย่างเอาไว้เป็นข้อสังเกตคือ ตัวอย่างที่ 1 มีเด็กชายคนหนึ่งเขามีความสนใจด้านภาษาไทยเป็นอย่างมากจนถึงขนาดที่ทำการสอบ การอ่าน การเขียน การพูด ได้เป็นอย่างดี ทำให้เขาได้รับผลการเรียนในวิชาภาษาไทย เกิน 80% แต่ในทางกลับกันเด็กชายคนเดียวกันนี้กลับมีผลการเรียนในรายวิชาคณิตศาสตร์ที่แย่มาก คือไม่ถึง 50% นั่นก็หมายความว่าเด็กชายคนนี้ผ่านวิชาภาษาไทยแต่กลับตกในรายวิชาคณิตศาสตร์ การศึกษาไทยในบัจจุบันได้ให้ครูผู้สอนในรายวิชาคณิตศาสตร์สอนเสริมให้กับเด็กชายรายที่กล่าวมาแล้วนั้นทำให้ครูต้องหาวิธีการต่างๆเพื่อที่จะทำให้เด็กคนนี้เรียนได้ผลการเรียนที่ดีขึ้นให้ได้ จนสุดท้ายเด็กชายคนนี้ืเรียนผ่านเกณฑ์ 50%  ตัวอย่างที่ 2 เด็กหญิงคนหนึ่งเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทยาศาสตร์ - คณิตศาสตร์ โดยมีความหวังว่าเมื่อจบมัธยมศึกษาตอนปลายแล้วจะเข้าสอบในสถาบันอุดมศึกษาในสาขาแพทยศาสตร์ โดยเขาตั้้งใจเรียนทั้งวิชาที่เป็นพื้นฐาน เช่น ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ์ ภาษาไทย สังคมศึกษา ศิลปะ  เด็กหญิงคนนี้ต้องแบกรับภาระในการเรียนทุกรายวิชาเพื่อนำผลการเรียนที่ได้และความรู้ที่ได้ไปใช้ในการสมัครและสอบในคณะแพทยศาสตร์ ซึ่งเมื่อเด็กหญิงคนนี้สอบได้คณะแพทยศาสตร์ดังที่ตั้งใจเอาไว้กลับพบว่า วิชาบางวิชาที่เขาตั้งใจร่ำเรียนมาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายนั้นไม่ได้นำความรู้มาใช้ในการเรียนแพทย์ของเขาเลย วิชาฟิสิกส์ถูกกำหนดให้เรียนเพียงแค่เทอมที่ 1 ของปีที่ 1 หลังจากนั้นไม่ใด้เรียนหรือนำความรู้ไปใช้เลย กลับเป็นวิชาเคมี วิชาชีววิทยา วิชาภาษาอังกฤษ วิชาคณิตศาสตร์ ที่มีความสำคัญกับการเรียนเพื่อนำความรู้ไปประกอบอาชีพแพทย์ที่ตนเองเลือกเอาไว้ จากตัวอย่างที่ 1 ในทรรศนะส่วนตัวมองไว้ว่า เราควรส่งเสริมความสามารถของเด็กที่มีอยู่แล้วให้เขามีความชำนาญจนเกิดความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาที่เขาถนัด จะทำให้เขาเกิดความภาคภูมิใจและประเทศไทยจะได้มีผู้ที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะทางที่มากขึ้นเพื่อพัฒนาประเทศของเราต่อไป และจากตัวอย่างที่ 2 ในทรรศนะส่วนตัวมองไว้ว่าการจัดการศึกษาในระดับมัธยมศึกษานั้นควรจัดการศึกษาให้เด็กเกิดการค้นพบความเป็นตัวตนของเด็กให้ได้มากที่สุดยกตัวอย่างเช่น ถ้าใครมีความสนใจในวิชาชีพใดควรให้เด็กได้เรียนเน้นหนักไปในทิศทางของวิชาที่จำเป็นต้องใช้ในการประกอบอาชีพสาขานั้นๆ ส่วนวิชาใดที่ไม่มีความจำเป็นกับสาขาอาชีพที่ตนเองสนใจก็ควรกำหนดไว้ให้เป็นวิชาที่เลือกเรียนหรือกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น และควรกำหนดนโยบายการศึกษาร่วมกันระหว่างสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาในทิศทางการจัดการเรียนการสอนที่มีความสอดคล้องกัน เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้มีประสิทธิภาพและมีศักยภาพมากที่สุด ถึงเวลาแล้วที่เราควรเปลี่ยนแปลงความคิดของเราเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นสำหรับการศึกษาไทย สำหรับลูกหลานของไทย และการพัฒนาประเทศไทยที่เรารักยิ่งสืบไป
                                   
                                                                                              นายทศพร ถาอ้าย
                                                                             ค.บ.ฟิสิกส์ , ศน.ม.พุทธศาสนาและปรัชญา

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่



พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ เอื้อเฟื้อมอบให้โดยท่านอาจารย์ศิริพงษ์ ดวงดี (ต๋องเมืองเลย)


พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่(พระประธาน)

พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์ใหญ่(พระประธาน)

พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่(พระประธาน) ฉายาองค์คุ้มเกล้า
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่องค์นี้สภาพผ่านการใช้บูชามาแล้วทำให้ผิวพระเปิดทำให้เห็นมวลสารพระสมเด็จอย่างชัดเจน ซึ่งประกอบด้วยผงพุทธคุณทั้ง 5 และมวลสารพิเศษให้เห็นอย่างเด่นชัดโดยมวลสารส่วนใหญ่จะเป็นผงธูปที่ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพุฒาจารย์โต และประชาชนท้่วไปใช้จุดในการบูชาพระประธานในพระวิหารของวัดระฆัง ซึ่งเวลาผ่านไปเป็นร้อยปีผงธูปได้ย่อยสลายไปตามกาลเวลาทำให้เกิดช่องว่างหรือรูพรุนโดยทั่วไปทั้งองค์พระ สำหรับการพิจารณาแล้วพระสมเด็จองค์นี้พิจารณาง่ายว่าเป็นพระสมเด็จวัดระฆังแท้ และหลวงปู่โตได้อธิฐานจิตในการสร้างพระสมเด็จองค์นี้เอง ธรรมชาติด้านหน้ามีความสมบูรณ์ในพิมพ์ทรง ส่วนด้านหลังมีความงดงามยิ่งตามแบบฉบับของพระสมเด็จวัดระฆัง ดังที่ปรามาจารย์ทางพระสมเด็จได้กล่าวไว้ว่า "พระสมเด็จองค์นี้แค่ดูด้านหลังไม่ต้องดูด้านหน้าก็รู้ว่าแท้" พระสมเด็จองค์นี้เอื้อเฟื้อโดยท่านอาจารย์หม่ำ
ศรัทธาของท่านก็เป็นของท่าน ศรัทธาของเราก็เป็นของเรา

วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ลบเลือน

ถ้าหากกาลเวลาเปรียบเสมือนเรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้ด้วยตัวหนังสือ
บางครั้งตัวหนังสือที่ว่าก็คงจะเป็นตัวหนังสือที่ถูกบรรจงเขียนไว้อย่างสวยหรูที่หาดทราย
เมื่อยามคลื่่นซัดโถมเข้ามา รอยบรรจงที่เคยเขียนไว้ก็จางหายลบเลือนไป
คงเหลือไว้เพียงร่องรอยแห่งความทรงจำในจิตใจ
"นายองค์"
ขอบคุณรูปภาพจาก http://old.siamfreestyle.com/travel-attraction/pang-nga/kao-lampi-tai-mueng.html

ลำธาร ขับขานเรื่องราวแห่งสิทธารถะ จากบทเพลงของ มาโนช พุฒตาล

สิทธารถะ ที่มาแห่งเพลง ลำธาร  (มาโนช พุฒตาล)
มองลงไป ในแม่น้ำ นานเนิ่นนานอยู่ในภวังค์

ลึกลงไป ใต้ลำน้ำ มีมนต์ขลัง มีพลัง
วิญญาณหลุดลอยร่อนลง ดิ่งลงดื่มด่ำลำน้ำ อยู่เพียงลำพังทั้งสองฟากฝั่ง

วิญญาณใฝ่ฝัน ต้องการฝังลึกมานานต้องการเข้าใจ ลึกลับซ่อนเร้นแอบอยู่ข้างใน
หากแต่ร่างกาย ไม่อาจเคลื่อนไหวดั่งใจหวัง นิ่งอยู่อย่างนั้นนั่งมองลำธาร
ปลดปล่อยตนเองไปตามลำธาร..เปลี่ยว โดดเดี่ยวคนเดียวเหลียวมองดูรอบ..กาย

โดดเดี่ยวเดียวดาย กระหายพบเพื่อนร่วมทาง โลกที่อ้างว้าง เส้นทางที่ไกล
ในความเงียบงัน พลันได้ยิน ได้รู้ได้เห็นเป็นเสียงดนตรี
ลีลาประสานทำนองคล้องจอง เกิดแก่เจ็บตายลวดลาย อิ่มหิวกระหายหัวเราะน้ำตา
จึงตัดสินใจ ส่งมอบกายให้กับแม่น้ำ ทอดกายลงน้ำไหลตามลำธาร
อยากบอกให้รู้ความดียังมี..อยู่ วางจิตรับรู้เข้าใจด้วยเหตุ..ผล

ดื่มดับกระหาย สายน้ำของทุกผู้คน หยุดความสับสนเลือกหนทางเดิน
สัจจธรรมจริงแท้มั่นคงดำรง..อยู่ ปัญญาความรู้เท่าทันความเศร้า..หมอง
ดื่มเถิดเพื่อนพ้อง สายน้ำของการแบ่งปัน ร่วมกันสร้างฝันบนฐานความจริง
โลกใหญ่ใบนี้ไม่มีใครครอบ..ครอง ไม่แบ่งเป็นสองเพ่งมองดูแม่..น้ำ
เกิดความเข้าใจ ร่างกายทำได้เพียงกักขัง รวมเป็นหนึ่งกับน้ำทั้งกายและใจ


คุณพ่อครับ ผมมาขอพรจากคุณพ่อครับ


พ่อให้พรลูกไม่ได้หรอก แต่ว่า
หากสิ่งที่ลูกทำมันถูกต้อง พระเจ้าก็จะอยู่เคียงข้างลูก
แต่หากมันผิด พรของพ่อก็ย่อมไม่มีประโยชน์อันใด..

แม่น้ำบางครั้งก็สงบนิ่ง แม่น้ำบางครั้งก็เชี่ยวกราดอย่างบ้าคลั่ง 
http://www.youtube.com/watch?v=NH6PN6GxwUw

สิทธารถะ ในทรรศนะของข้าพเจ้า Siddhartha in my vision

พราหม์หนุ่มนามสิทธารถะ ผู้ที่ถวิลหาความหลุดพ้นจากสรรพสิ่ง ผู้ที่มีความแข็งกร้าวในจิตใจของตน
พรหมห์หนุ่มที่่พยายามค้นหาวิมุต เร่งเร้าในอารมณ์ มิตรผู้ซึ่งคอยห่วงหาดังเช่นเงาที่คอยติดตามร่างกายยามต้องแสงอย่างโควินทะ เพื่อนผู้ที่เป็นมากกว่าเพื่อน ยามเด็กจนถึงยามบั้นปลายแห่งสายธารของชีวิต
สิทธารถะผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการแสวงหาความจริงแห่งสัจธรรมของชีวิต การที่พบพระพุทธเจ้าเป็นการพบเพื่อแสวงหา มิใชการพบเพื่อหลุดพ้น พระพุทธเจ้าผู้ทรงอยู่เหนือกิเลสทั้งปวง ผู้ที่หลุดพ้นตามวิถีแห่งธรรม การได้เสวนากับพระพุทธเจ้าไม่ได้ทำให้สิทธารถะผู้ที่มีความมุ่งมั่นเพื่อแสวงหาทางหลุดพ้นผู้นี้ได้หลุดจากมานะแห่งจิตใจของตนเอง จวบจนได้เรียนรู้แห่งธรรมชาติของมนุษย์ จากพรามห์หนุ่มผู้มีแววตาที่คมกริบ ร่างกายที่งดงาม ความอดทนในการใช้ชีวิตตามแบบแห่งพรามห์ ได้พบกับนางกมลา อิสตรีผู้ที่มีความงดงามยิ่งแห่งเรือนกายและลีลาแห่งกาม ผู้ที่ทำให้สิทธารถะได้เรียนรู้รสชาตของความรักและความอิ่มเอิบในกาม กามสวามีผู้ที่ทำให้สิทธารถะได้เรียนรู้ถึงความโลภ ความเห็นแก่ตัวเฉกเช่นพ่อค้าวานิช ทั้งหลายทั้งปวงดูเหมือนจะเป็นเครื่องพันธนาการผูกมัดสิทธารถะเอาไว้ให้ห่างไกลจากการหลุดพ้น จนได้พบชายแจวเรือข้ามฟากผู้ที่มีความลุ่มลึกในจิตใจ ผู้ที่เรียนรู้ชีวิตจากการแจวเรือข้ามฟาก ความสุข ความทุกข์ ความผิดหวัง ความสมหวัง เสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ ต่างมีมาให้ได้เรียนรู้จากการแจวเรือ สิทธารถะได้เรียนรู้และได้มองเห็นถึงซึ่งความเป็นไปของสรรพชีวิต ทางที่เขาแสวงหามาตลอดทั้งชีวิต ทางที่เขาเลือกที่จะเดิน และทางที่เขาจะฝากชีวิตและความจริงทั้งหมดของสรรพสิ่งเอาไว้กับการแจวเรือ มนุษย์มีความแตกต่างกัน แต่ความเหมือนที่มนุษย์เหมือนกันคือ .....

เย็นชา

น้ำค้างที่ยะเยือกท่ามกลางหุบเขา
คงยังไม่เหน็บหนาวสะท้านทรวง
เท่ากับสายตาที่เย็นชาที่มองมาของ"เธอ"
"นายองค์"

วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557

BEST OF THAI AMULETS "PRA SOM DAJ WATRAKUNG PIM KRISER " 85,000,000 THAI BAHT


BEST OF THAI AMULETS "PRA SOM DAJ WATRAKUNG PIM KRISER" make from Somdaj THO wat rakunng this amulet is about 130 yearห old.

แพ้พ่าย

ขุนพลผู้กรำศึกทั่วสมรภูมิรบ
ภูเขาหินที่สูงตระหง่านท้าทายแดดลม
กระบี่ที่คมกริบตัดได้แม้แสงแดด
สามสิ่งที่สุดยอดนี้ อาจแพ้พ่ายเพียงเพราะน้ำตาเพียงหยดเดียว
"นายองค์"

เมื่อน้องนาโนโตขึ้น หล่อเชียว